“รู้หรือไม่” กระทิงมีถิ่นกำเนิดในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กระทิงเป็นสัตว์กีบคู่ เป็นวัวป่าขนาดใหญ่ ขนสีน้ำตาลเข้มจนถึงดำ หน้าผากมีสันนูนสูง โค้งงอไปข้างหน้า สีน้ำตาล หรือสีเทาอมเหลือง เรียกว่า “หน้าโพ” ใบหูใหญ่ ด้านในมีขนสีขาว มีหนอกสูงเริ่มจากคอจนถึงกลางหลัง คอสั้นหนา มีเขาทั้งตัวผู้และตัวเมีย เขาตีวงไปข้าง ๆ ปลายเขาโค้งและชี้ออกด้านหน้าเล็กน้อย ปลายเขาสีดำ ตอนกลางสีเหลือง โคนเขาสีน้ำตาลดำมีรอยหยักเรียกว่า “รอยพาลี” ซึ่งจะเพิ่มจำนวนขึ้นตามอายุ ระยะห่างระหว่างเขา ประมาณ 20–25 เซนติเมตร กระทิงมีเหงื่อเป็นน้ำมันสีเหลือง มีกลิ่นฉุน บริเวณข้อเข่ามักเปื้อนน้ำมันทำให้ดูเป็นสีเหลืองอ่อน พ้นจากกีบขึ้นมาจนถึงหัวเข่าเป็นสีขาว คล้ายสวมถุงเท้า หางยาวถึงขา ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของราชอาณาจักรไทย เรียกกระทิงว่า “เมย”
พบในทวีปเอเชีย ในราชอาณาจักรภูฏาน, ราชอาณาจักรกัมพูชา, สาธารณรัฐประชาชนจีน, สาธารณรัฐอินเดีย, สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว, มาเลเซีย (คาบสมุทรมาเลเซีย), สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา, สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล, ราชอาณาจักรไทย (เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสาละวิน, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ยวมฝั่งขวา, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น จ.แม่ฮ่องสอน, อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา, จ.ปราจีนบุรี, จ.นครนายก และจ.สระบุรี, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี และจ.ตาก, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี จ.ราชบุรี, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา จ.ระนอง ) และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ที่ระดับความสูงไม่เกิน 2,800 เมตร จากระดับน้ำทะเล บริเวณ ป่าดิบแล้ง ป่าดิบชื้น ป่าเบญจพรรณ ป่าผลัดใบใกล้แหล่งน้ำ และป่าเต็งรัง ตัวผู้ มีพื้นที่อาศัย (Home ranges) ประมาณ 84,375–88,750 ไร่ ตัวเมีย มีพื้นที่อาศัย (Home ranges) ประมาณ 20,000–105,625 ไร่ ใน 1 วัน กระทิงเดินทาง ประมาณ 3–5 กิโลเมตร
เป็นสัตว์กินพืช กินต้นไม้ และพุ่มไม้เป็นส่วนใหญ่ กินอาหาร ประมาณ 20 กิโลกรัม/วัน ในฤดูฝน กินอาหาร ประมาณ 41 ชนิด ส่วนพืชในฤดูแล้ง ประมาณ 25 ชนิด ส่วนที่กิน ได้แก่ ใบไม้ ยอดอ่อน ดอก และผลไม้ ต้นที่กระทิงกิน ได้แก่ มะกายคัด, ส้านใหญ่, ขี้อ้น, สอยดาว, เชียด และมันราก รวมทั้งกินดินโป่งเพื่อเพิ่มแร่ธาตุให้แก่ร่างกาย
หากินในเวลากลางคืน มักไปเป็นฝูง ประมาณ 5–20 ตัว ออกหากินหญ้าระบัดในเวลาเย็นจนถึงรุ่งเช้า กิจกรรมในรอบวันจะเริ่มด้วยการออกหากินช่วงสั้น ๆ ในเวลาเช้าจนถึง 09.00 น. จึงหลบเข้าไปพักนอนเคี้ยวเอื้องอยู่ในบริเวณป่าที่ค่อนข้างทึบ หรืออาจเดินขึ้นไปนอนอยู่ตามสันเขาสูง โดยแยกกันนอนไม่ห่างกันมากนัก ลูกตัวที่เล็กที่สุดจะอยู่ใกล้แม่มากที่สุด บางตัวอาจพักในโดยการยืน และมักมอง สูดกลิ่น หรือฟังสิ่งผิดปกติอยู่ตลอด ตอนเย็นหากิน ประมาณ 15.00 น. เรื่อยไปจนถึงเวลากลางคืน กระทิงจะเดินเรียงแถวติดตามกันไป เมื่อถึงบริเวณที่มีพืชอาหารจึงแยกย้ายออกหากิน อาจแวะลงกินโป่ง และน้ำซับตามโป่งต่าง ๆ ที่พบบนเส้นทางหากิน ซึ่งจะใช้เวลานานกว่าในช่วงเช้า หลังไฟไหม้ป่า กระทิงจะพากันมาหากินยอดพืชอ่อน และหญ้าระบัดตามทุ่งหญ้า และป่าเต็งรัง ในช่วงฤดูฝนกระทิงมักมาหากินหน่อไม้ตามป่าไผ่ และมักเดินตามช้างป่าเพื่อหากินยอดไผ่ที่ช้างทิ้งไว้
1. เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 2. เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อยู่ในสถานภาพใกล้สูญพันธุ์ (Endangered: EN) จากการประเมินสถานภาพชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคามของประเทศไทย สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (2023) 3. เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อยู่ในสถานภาพมีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ (Vulnerable: VU) จากการประเมินสถานภาพความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต โดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (International Union for Conservation of Nature: IUCN) หรือ IUCN Red List (2016) 4. เป็นชนิดพันธุ์ของสัตว์ป่าและพืชป่าในบัญชีหมายเลข 1 ที่ห้ามค้าโดยเด็ดขาด เนื่องจากใกล้จะสูญพันธุ์ ยกเว้นเพื่อการศึกษา วิจัยและเพาะพันธุ์ แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับความยินยอมจากประเทศที่จะนำเข้าก่อน ประเทศส่งออกจึงจะออกใบอนุญาตส่งออกให้ได้ โดยจะต้องคำนึงถึงความอยู่รอดของชนิดพันธุ์นั้น ๆ ด้วย ตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (The Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora: CITES)
CLASS : Mammalia
ORDER : Artiodactyla
FAMILY : Bovidae
GENUS : Bos
SPECIES : Bos gaurus
มีอายุขัย ประมาณ 25–30 ปี
เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ เมื่ออายุ ประมาณ 2–3 ปี จับคู่แบบตัวผู้ตัวเดียวกับตัวเมียหลายตัว ผสมพันธุ์ได้ตลอดปี ส่วนใหญ่จะผสมพันธุ์ในช่วงเดือนพฤศจิกายน–มกราคม ตั้งท้อง ประมาณ 9 เดือน ออกลูกครั้งละ 1 ตัว ประมาณ เดือนเมษายน–มิถุนายน หย่านมเมื่ออายุ ประมาณ 9 เดือน ลูกเกิดใหม่สีน้ำตาลแดงและมักมีสีเข้มเป็นทางบนสันหลัง น้ำหนัก ประมาณ 23 กิโลกรัม เมื่ออายุประมาณ 5 เดือน สีขนจะเข้มขึ้นจนเป็นสีดำ
ความยาวลำตัว (ปลายจมูกถึงก้น) ประมาณ 2.5–3.3 เมตร ความสูงระดับไหล่ ประมาณ 1.6–2.2 เมตร น้ำหนัก ประมาณ 600–1,000 กิโลกรัม หางยาว 70–105 เซนติเมตร มีฟัน 32 ซี่ (สูตรฟันคือ 0/3, 0/0, 3/3, 3/3)
แก้ไขข้อมูล ณ วันที่ 06 เมษายน 2560